An image

กระทรวงการคลัง โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)เซ็นMOU ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยผ่านแอพพลิเคชั่น “คนไทยมีบ้าน : Home for All” ผ่านเว็บไซต์ธอส.-ศูนย์ข้อมูลฯ ระบุสามารถ0ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ตั้งแต่วันที่16 พฤษภาคม60 เป็นต้นไป หวังนำผลสำรวจไปจัดทำฐานข้อมูลในการวางแผนพัฒนาปริมาณที่อยู่อาศัยใหม่ให้สอดคล้องความต้องการของประชาชน พร้อมเตรียมแคมเปญสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยพิเศษต่ำกว่า 3%

 

พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือพม.เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการและบริหารของรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และผู้ด้อยโอกาส เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญประการหนึ่งในการสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับประชาชนให้มีที่อยู่อาศัย มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเพื่อเป็นการนำนโยบายมาสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยของประเทศ จึงได้จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) เพื่อใช้เป็นกรอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะยาวโดยบูรณาการความร่ว มมือในการดำเนินงานกับภาคีทุกภาคส่วน ภายใต้วิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่ วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 : Smart Housing”

 

การลงนามในบันทึกข้อตกลงควา มร่วมมือ (MOU) ระหว่างกระทรวงการคลัง โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดทำ “โครงการแอพพลิเคชั่น       คนไทยมีบ้าน : Home for All” เพื่อสำรวจความต้องการที่อยู่อา ศัยของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่ น “คนไทยมีบ้าน : Home for All” ที่ App Store (ระบบปฏิบัติการ iOS) และ Play Store (ระบบปฏิบัติการ Android) เพื่อกรอกแบบสำรวจผ่านโทรศัพท์มื อถือสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ท หรือกรอกแบบสำรวจผ่านระบบอินเตอ ร์เน็ทบนคอมพิวเตอร์ได้ที่เว็บไซต์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ www.ghbank.co.th และเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลอสังหาริ มทรัพย์ www.reic.or.th ขณะเดียวกัน การเคหะแห่งชาติ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ซึ่งมีพันธกิจเกี่ยวข้องกับการช่ วยเหลือและส่งเสริมให้ประชาชนมี ที่อยู่อาศัย จะนำผลสำรวจที่ได้ไปจัดทำเป็นฐา นข้อมูลในการศึกษาวิเคราะห์ วางแผนในการพัฒนาปริมาณที่อยู่อ าศัยใหม่ให้สอดคล้องกับความต้อง การของประชาชนในแต่ละกลุ่ม มีความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุ ปทาน ช่วยให้คนไทยได้มีบ้านอย่างทั่ว ถึงต่อไป

 

เดิมพม.มีข้อมูลประชากรทั้งประเทศมีประมาณ 25 ล้านครัวเรือน และขาดแคลนที่ประมาณ 4.6 ล้านครัวเรือน ซึ่งก็ได้วางยุทธศาสตร์ของการมีบ้านอยู่ในอนาคตด้วยการให้ทุกคนมีบ้านอยู่อย่างถ้วนทั่ว แต่ยังไม่ตอบโจทย์คือ ใคร ที่ไหน ซึ่งครั้งนี้จะตอบโจทย์ว่าคนต้องการจริงๆเท่าไหร่ ลักษณบ้าน สถานที่ที่ต้องการ อยากจะผ่อนบ้านประเภทไหนและมีขีดความสามารถเพียงใด ซึ่งได้วางแผนที่ตอบโจทย์ได้ง่ายขึ้น

An image

ด้านนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานดำเนินการสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างเป็นรูปธรรมจากประชาชนทั่วประเทศผ่านแอพพลิเคชั่น “คนไทย   มีบ้าน : Home for All” ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่น และความพยายามของรัฐบาลในการจัด หาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนทุกกลุ่มในสังคมอย่างเท่าเทียม โดยธอส.เป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น รวมทั้งดำเนินการด้านเทคนิคเพื่อให้สามารถใช้แอพพลิเคชั่นสำรวจและจัดเก็บข้อมูล จากนั้นศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ จะสรุปภาพรวมรายงานต่อกระทรวงการคลัง และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ เป็นรายสัปดาห์ และรายเดือน พร้อมนำมาวิเคราะห์เชื่อมโยงกับ ข้อมูลด้านอุปทานที่มีอยู่ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำผลเข้าเสนอต่อคณะกรรมการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน และนำไปจัดทำเป็นข้อเสนอในการจัดหาอุปทานที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาตามแนวทางประชารัฐได้อย่างสมบูรณ์อีกทางหนึ่งด้วย

 

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวต้องการสนับสนุนยุทธศาสตร์ด้านการมีที่อยู่อาศัยของรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  ทั้งฝ่ายรัฐที่เป็นฝ่ายวางยุทธ์ศาสตร์ด้วยการกำหนดแผน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งธนาคารที่เป็นผู้ให้สินเชื่อที่อยู่อาศัย หน่วยงานวิจัยทั้งหลายก็สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้ เพราะเป็นการสำรวจที่ลงพื้นที่จริงทำทั้งประเทศ ดังนั้นข้อมูลที่ได้จึงน่าเชื่อถือได้มากกว่าที่เคยมีมา เชื่อว่าเมื่อนำมาวิเคราะห์ก็จะได้ข้อมูลตามความต้องการของประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัย อีกทั้งนักลงทุนเมื่อมีข้อมูลก็ที่จะสามารถเคลื่อนย้ายเงินทุนไปในบริเวณที่มีความต้องการสูงได้ ในขณะเดียวกันก็จะไม่มีการลงทุนที่เกินความเป็นจริง เป็นการประหยัดทรัพยากรของประเทศไปในตัวด้วย

 

“การทำแอพพลิเคชั่น จะทำให้ข้อมูลมีเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากขึ้น จริงๆแล้วการที่สำรวจข้อมูลผู้มีรายได้น้อยนั้นอาจจะยังไม่ตรงนัก ที่สำคัญคือต้องการที่จะดูแลด้านสวัสดิการทั้งหลาย คือต้องการให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยได้ง่าย สะดวกและรวดเร็วขึ้น” นายวิสุทธิ์ กล่าว

 

ธอส.เตรียมโปรยยาหอมดอกเบี้ยพิเศษต่ำกว่า3%

ขณะที่นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือธอส. กล่าวว่า เมื่อประชาชนดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “คนไทยมีบ้าน : Home for All” แล้วจะสามารถเข้าไปตอบแบบสำรวจผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ทได้ทันที ซึ่งผู้ที่ตอบแบบสำรวจจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ อาชีพ รายได้ต่อเดือน วงเงินสินเชื่อที่ต้องการ ความสามารถในการผ่อนชำระสินเชื่อ วัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ ช่วงเวลา(ปี)ที่ต้องการมีบ้าน รวมถึงทำเลที่อยู่อาศัยที่ต้องการ และเมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนจะได้ รับรหัส หรือ QR Code สำหรับนำมาติดต่อกับธนาคารเพื่อ ขอรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสม สิทธิพิเศษเพื่อการมีบ้านในอนาคต หรือคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ธอส. ยังสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ในการวางแผนทางการเงินและพัฒนานวัตกรรมด้านสินเชื่อที่อาศัยที่ เหมาะสมมากยิ่งขึ้นต่อไป   ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2560 นี้เป็นต้นไป

 

เรื่องดังกล่าวเป็นความริเริ่มของ 3 หน่วยงาน เพราะจากตัวเลขพบว่าประชาชนที่ยังไม่มีที่พักอาศัยถึง 2.4 ล้านคน แต่ในรายละเอียดไม่สามารถทราบได้ว่าประชาชนกลุ่มดังกล่าวอยู่ที่ไหนบ้าง ดังนั้นเพื่อทำให้การใช้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และวางแผนในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของพม.และประเทศเป็นไปอย่างแม่นยำและถูกต้องตรงกับความต้องการจึงได้มีการพัฒนาแอพพลิแคชั่นดังกล่าวขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้ตอบแบบสอบถามว่ามีบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือยัง ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลเหล่านี้มาแล้ว ทางพม.ก็จะไปสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับ ขณะเดียวกันศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธอส.ก็จะนำข้อมูลดังกล่าวให้ผู้ประกอบการในการเข้าไปดูดีมานด์มากน้อยเพียงใด และหลังจากที่กรอกข้อมูลในแอพพลิเคชั่นแล้วก็จะมีคิวอาร์โค้ดที่ธอส.ในการที่จะขอรับสิทธิประโยชน์เรื่องการขอวงเงินสินเชื่อ ซึ่งจะประกาศได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้

 

โดยโครงการนี้ทางธอส.จะมีการแบ่งวงเงินกู้โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษให้โดยเฉพาะซึ่งอาจจะต่ำกว่า 3% จากอัตราดอกเบี้ยปกติที่ธนาคารพาณิชย์ทั่วไปให้อยู่ที่ 3.44-4% แต่ทั้งนี้ต้องรอดูผลจากการที่ประชาชนกรอกข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่นก่อนว่าจะให้วงเงินสินเชื่อรวมได้ 5,000 หรือ 10,000 ล้านบาท  หากให้วงเงินสินเชื่อมากไปแล้วใช้ไม่หมดก็จะกระทบตัวเลขเวลาที่ประมาณการ ซึ่งครั้งนี้จะชัดมาก และสามารถขายที่อยู่อาศัยได้อย่างแน่นอน ซึ่งสามารถซื้อบ้านของการเคหะแห่งชาติ หรือของผู้ประกอบการภาคเอกชน โดยในต่างจังหวัดสามารถซื้อได้ในราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ส่วนในกทม.ค่อนข้างหายาก คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในเดือนมิถุนายน2560 นี้

 

** prop2morrow โดย คุณวาสนา กลั่นประเสริฐ  เบอร์โทร.02-632-0645 E-mail : was_am999@yahoo.com

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*