ออริจิ้นฯ ชี้ตลาดอสังหาฯ หมดยุคแข่งทำเลคุณภาพสินค้าราคา เดินแผนปี 60 สู่การเป็นYour Digital Butler ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยยุคดิจิทัล นำร่องด้วย “ORIGIN Family Club Card”จ่อผุด  9 โครงการใหม่ ยึดตลาดพรีเมียมแมส มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท และขยายธุรกิจให้เช่า ตั้งเป้ารายได้ธุรกิจให้เช่าภายใน 3 ปี คาดยอดขายทั้งปีแตะ 13,000 ล้านบาท

 

 นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดคอนโดฯในปี2560 ว่าผู้ประกอบการอาจจะไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะเร่งระบายสต็อก โดยเฉพาะในครึ่งปีแรก และเชื่อว่าในอนาคตจะไม่แข่งขันในเรื่องของทำเลสินค้า คุณภาพและราคาเท่านั้น แต่จะแข่งในเรื่องของนวัตกรรมและบริการหลังการขาย เพื่อตอบสนองลูกค้า

 

“ในปี 2560 นี้ บริษัทฯ จึงวางวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ด้วยการมุ่งเป้าเป็น “Your Digital Butler” เพื่อหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนวัตกรรมและการบริการหลังการขาย มาเป็นปัจจัยที่ 4 และปัจจัยที่ 5 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยยุค “Digital Life Attitude”

 

ด้วยการนำเทคโนโลยี และดิจิทัลเข้ามาประยุกต์กับการบริการผู้บริโภค และนี่จะเป็นจุดแข็งใหม่ของเราที่ช่วยให้เราเติบโตไปอย่างยั่งยืน”นายพีระพงศ์ กล่าว

 

 

ภายใต้แนวคิดดังกล่าว บริษัทมีแนวทางการดำเนินการ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การตอบโจทย์ชีวิตดิจิทัลด้วยเซอร์วิสแอพพลิเคชั่น 2.การเป็นมากกว่าคอนโดมิเนียมด้วยบริการระดับโรงแรม (Hotel Service) 3.การจับมือกับพันธมิตรเพื่อมอบสิทธิพิเศษในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้อยู่อาศัย และ 4.การดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

 

“บริษัทได้ทุ่มงบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท ในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น  เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยบริษัทเริ่มตอบโจทย์ Digital Life Attitude ด้วยการจับมือกับบริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเท็ม จำกัด  (บีเอสเอส) ผู้ให้บริการบัตรแรบบิท จัดทำบัตร ORIGIN Family Club Card ใช้บัตรเพียงใบเดียวสามารถใช้เป็นคีการ์ดเข้าได้ทั้งคอนโดมิเนียมและรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมได้รับทั้งแต้มของบริษัทและแต้มของแรบบิทสำหรับใช้รับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย โดยจะทยอยส่งมอบบัตรดังกล่าวจำนวนประมาณให้แก่ลูกค้าผู้อยู่อาศัยของบริษัทตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 นี้เป็นต้นไป

 

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนเปิดตัวแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน “ORIGIN Digital Butler” เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของลูกค้า ซึ่งขณะนี้มีพันธมิตรในการจัดทำแอพพลิเคชั่นแล้ว

 

นายพีระพงศ์ กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2560 นี้ จะรุกโครงการระดับกลาง-บน มากขึ้น จากเดิมที่เน้นกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง ทั้งนี้เพื่อกระจายความสมดุลของรายได้ลูกค้ามากขึ้น ด้วยการเตรียมเปิดตัว 9 โครงการใหม่ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 8 โครงการได้แก่ ไนท์บริดจ์ 3 โครงการ มูลค่า 6,400 ล้านบาท นอตติ้ง ฮิลล์ 3 โครงการ มูลค่า 5,400 ล้านบาท เคนซิงตัน 2 โครงการ มูลค่า 2,500 ล้านบาท  โดยในจำนวน 8 โครงการจะมี 3 โครงการ ที่ตั้งอยู่บริเวณจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 โครงการ แบ่งเป็น 2 โครงการที่อยู่ใกล้สถานีแห่งใหม่ และอีก 1 โครงการ จะอยู่ใกล้เชื่อมสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเดิม ส่วนอีก 1 โครงการจะเป็นบ้านเดี่ยว สไตล์อังกฤษ ตั้งอยู่ย่านศรีนครินทร์ บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ราคา 4-5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท โดยภายในระยะเวลา 3 ปี นับจากนี้ตั้งเป้าที่จะติดอันดับ 1ใน3 ผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลาง

 

“เรายังคงเดินหน้ายึดตลาดคอนโดมิเนียมกลุ่มพรีเมียมแมส ระดับราคา 2-5 ล้านบาท ครอบคลุมเส้นทางรถไฟฟ้า 5 สาย ทั่วทั้งกรุงเทพฯชั้นในและชั้นนอก เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของเราในการทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับคอนโดมิเนียมที่หรูหราแต่จับต้องได้ หรือAffordable Premium Condo” นายพีระพงศ์ กล่าว

 

 

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาลูกค้าของบริษัทฯแทบจะไม่มีปัญหาการถูกปฏิเสธสินเชื่อ(Reject)จากสถาบันการเงิน หรือมีก็น้อยมากในสัดส่วนเพียง 8% เพราะที่ผ่านมาทุกโครงการที่เปิดขายจะเน้นดาวน์สูง ประมาณ 12-15% และพบว่าสัดส่วน 30% เป็นการซื้อด้วยเงินสด ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการที่ซื้อให้ลูกหลานได้ศึกษาต่อ

 

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจเพื่อการเช่ามากขึ้น โดยปีนี้จะลงทุนโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีท จำนวน 347 ห้อง มูลค่าลงทุน 1,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปลายปี2560 นี้ และเปิดให้บริการปี2562  อีกทั้งยังลงทุนพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ แบรนด์ “พอร์โทเบลโล่ มอลล์”ด้วยเม็ดเงินลงทุน 40 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้บริการ ในไตรมาส3 ราคาเช่าจะอยู่ที่ประมาณ400-800 บาท/ตารางเมตร/เดือน ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้จะอยู่ในพื้นที่ “ออริจิ้น ดิสทริค”

 

อีกทั้งยังมีแผนพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่ศรีราชา เพื่อเจาะตลาดชาวญี่ปุ่นที่ทำงานย่านศรีราชา และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ย่านทองหล่อ ภายใต้แบรนด์ “วัน ทองหล่อ” บนที่ดินเช่าระยะยาว 30+3 ปี ซึ่งพัฒนาได้มากกว่า 30 ชั้น ประมาณ 300 ยูนิต โดยเมื่อเปิดให้บริการราคาเช่าจะอยู่ที่ประมาณ 50,000-100,000 บาท/เดือน

 

ด้านการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติบริษัทฯก็ไม่ปิดกั้นแต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาประมาณ 4-5 ราย โดยเป็นผู้ประกอบการจากญี่ปุ่น ประมาณ 4 ราย และจากจีน 1 ราย ซึ่งการดึงต่างชาติเข้ามาร่วมทุนด้วยนั้น ไม่ได้หวังด้านโนฮาวด์ แต่เพื่อต้องการให้พันธมิตรเข้ามาเสริมในด้านการทำตลาด ที่จะทำให้ขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น ความคืบหน้าขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายเอียดได้

 

ในปีนี้บริษัทฯตั้งงบในการซื้อที่ดินประมาณ 3,000 ล้านบาท จากปี 2559 ใช้งบในการซื้อที่ดินประมาณ 2,500 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ที่ 6,000 ล้านบาท และมียอดขายที่ 13,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตจากปี2559 ที่ผ่านมาประมาณ 20% ซึ่งมี Backlog รองรับอยู่แล้วที่ 77% คิดเป็นมูลค่า  12,855 ล้านบาท ขณะเดียวกันภายในปี 2562 ตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจให้เช่าเพิ่มเป็น 400-800 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5-10% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่าประมาณ 2% ทั้งเป้าปี2562 จะมีรายได้เพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท

 

ปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business)เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร

โดยที่ผ่านมาได้พัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขายนั้น ประมาณ 34โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 27,000 ล้านบาท

 

** prop2morrow โดย คุณวาสนา กลั่นประเสริฐ  เบอร์โทร.02-632-0645 E-mail : was_am999@yaho.com

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*