SENAเตรียมออกหุ้นกู้ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้เสนอขายให้ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ รองรับแผนขยายธุรกิจเพื่ออนาคตที่สดใส เผยอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการต่อสำนักงาน ก.ล.ต.ด้าน “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์”แย้มแผนปี”60 พร้อมบุกตลาดอสังหาฯ เต็มเหนี่ยว ผุด 11 โครงการใหม่ มูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท หนุนผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย และในฐานะ Developer รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะออกและเสนอขายให้กับผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2560 นี้ โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการยื่นแบบแสดงรายการต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2560 บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของ SENA อยู่ที่ ” BBB-” แนวโน้มอันดับเครดิต”คงที่” โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายตราสารหนี้ครั้งนี้เพื่อนำไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และ/หรือ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทฯ
สำหรับผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ที่สนใจอยากสอบถามข้อมูลหรือรายละเอียดในเบื้องต้น สามารถติดต่อสอบถามผ่านทาง สำนักงานใหญ่ของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป
ดร.เกษรา กล่าวต่อถึง แผนการดำเนินงานในปี 2560 SENA ยังคงให้ความสำคัญในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในทุกด้าน รวมทั้งการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ประมาณ 11 โครงการ มูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม ในทำเลติดแนวรถไฟฟ้า เพื่อขยายฐานรายได้ของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดบริษัทฯยังได้จับมือร่วมลงทุนกับ บริษัท ฮันคิวเรียลตี้ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น พร้อมลุยตลาดอสังหาริมทรัพย์ เสริมศักยภาพในการทำธุรกิจในอนาคต อีกทั้งยังช่วยให้เสถียรภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งอยู่แล้วให้มั่นคงเพิ่มขึ้นอีกด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานล่าสุดในช่วง 9 เดือนของปี 2559 ถือเป็นปีที่ SENA มีผลประกอบการที่ดีสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมียอดรายรับ 3,234.2 ล้านบาทและกำไรสุทธิงวด 9 เดือน 661.7 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของรายรับ และสามารถควบคุมสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นได้อย่างดีเยี่ยมที่สัดส่วน 0.9 เท่าและสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทยังมีสินค้าคงเหลือขายประมาณ 6,722 ล้านบาท และ ยอด Backlog รอรับรู้รายได้อีกประมาณ 2,756 ล้านบาท
