ปัจจุบันที่ดินย่านใจกลางเมืองโดยเฉพาะย่านชิดลม-วิทยุ-เพลินจิตนับวันจะหากซื้อได้ยากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้มีดีลซื้อขายในราคาที่สูงลิบถึง 1.91 ล้านบาท/ตารางวา ที่บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SC ซื้อมาจากตระกูลเก่ารายหนึ่ง ที่ดินกว่า 3 ไร่  เพื่อพัฒนาโครงการ 28 Chidlom (ทเวนตี้เอท ชิดลม) อีกดีลที่เพิ่งจบไปเมื่อปลายปี2559 ที่บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) เจ้าของโรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เข้าไปซื้อที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งโรงแรม “สวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ” ของตระกูล “สมบัติสิริ”บนพื้นที่ 15 ไร่ ด้วยมูลค่า 10,800  ล้านบาท และในเร็วๆนี้น่าจะมีดีลที่ใหญ่อีก 1 แปลงคือที่ดินบริเวณสถานฑูตอังกฤษ พื้นที่ 20 กว่าไร่ ที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประมูล คาดว่าราคาน่าจะสูงกว่า 2 ล้านบาท/ตารางวา

 

ส่วนที่ดินย่านเพลินจิตอีก 1 แปลงที่น่าสนใจและถือว่าเป็นตำนานคือ ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมของ”เพลินจิตอาเขต”ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแฟชั่นและแหล่งรวมวัยรุ่นในช่วงปี 2515 ต่อมาเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปก็มีการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินแปลงดังกล่าวมาถึง 4-5 ครั้ง โดยผู้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวในปัจจุบันคือบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)หรือNOBLEซึ่งเป็นการรวมที่ดิน2แปลงไว้ด้วยกันรวม9ไร่เศษ โดยแปลงแรกเป็นการซื้อต่อจากบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด(มหาชน)ในราคา 1.2 ล้านบาท/ตารางวา ส่วนอีกแปลงเป็นการซื้อต่อจากนายตัน ภาสกรนที ในราคา 1.5 ล้านบาท/ตารางวา เพื่อพัฒนาเป็นโครงการ “โนเบิล เพลินจิต” ซึ่งปัจจุบันได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นการลบกระแสและปรากฎการณ์ที่ดินอาถรรพ์แห่งนี้ที่ตลอดระยะเวลา 25-30ปี ยังไม่เคยมีผู้ครอบครองที่ดินรายใดประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการบนที่ดินแปลงดังกล่าว แต่โนเบิลฯสามารถทำได้สำเร็จ

 

 

7ปีราคาขายพุ่งสูง2.7แสนบาท/ตารางเมตร

 

นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท  โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)หรือ NOBLE เปิดเผยว่า การที่บริษัทสามารถพัฒนาโครงการ “โนเบิล เพลินจิต”จนแล้วเสร็จเพราะมีทีมงานที่เป็นมืออาชีพ และด้วยประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯมายาวนานทำให้มั่นใจว่าสามารถดำเนินการได้ ซึ่งโครงการดังกล่าวถือว่าเป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี โดยเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา เปิดขายโครงการครั้งแรกในราคา 140,000 บาท/ตารางเมตร หรือ7 ล้านบาทขึ้นไป/ยูนิต มูลค่าโครงการ 14,000 ล้านบาท ปัจจุบันปรับราคาขายขึ้นมาสูงถึง 270,000 บาท/ตารางเมตร หรือราคา 12.9 ล้านบาท/ยูนิต และมีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นมาที่ 18,000 ล้านบาท

 

โครงการ “โนเบิล เพลินจิต”เป็นคอนโดฯทั้งหมด 4 อาคาร โดยอาคารA สูง 14 ชั้น อาคารB สูง 51 ชั้น อาคารCสูง 45 ชั้น และอาคารDสูง 25 เมตร พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 44-178 ตารางเมตร ราคา 12.9-30 ล้านบาท จำนวน 1,444 ยูนิต โดยปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60% โดยส่วนที่เหลืออีก 40% บริษัทฯจะทยอยขายส่วนที่เหลือให้หมด แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะมีความต้องการซื้อมากหรือน้อยเพียงใด จึงไม่สามารถตอบได้ว่าจะปิดการขายได้ในปีนี้หรือไม่  ทั้งนี้ได้เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา ปัจจุบันโอนไปแล้วประมาณ 40%

 

ปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าต่างชาติ

 

คุณศิระ อุดล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ NOBLE กล่าวว่า กลยุทธ์การขายในปีนี้บริษัทฯจะรุกขยายฐานกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนไม่ถึง 10% โดยบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาซื้อโครงการของบริษัทฯ ก่อนที่จะนำโครงการไปเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศ จากที่ผ่านมาไม่เคยนำโครงการของบริษัทไปโรดโชว์ในต่างประเทศ และไม่มีการตั้งเอเยนซี่ขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติมาก่อน ซึ่งที่ผ่านลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาซื้อโครงการจะเป็นการซื้อด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นชาวไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน จากปัจจุบันที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทยถึงกว่า 90% คาดว่าหลังจากที่เริ่มมีการโรดโชว์จะมีฐานลูกค้าต่างชาติเพิ่มมากขึ้นกว่า 10%

 

อย่างไรก็ตามแผนการพัฒนาโครงการในปี2560 นี้ เบื้องต้นบริษัทวางแผนการเปิดโครงการใหม่มากกว่า 2 โครงการ จากปีก่อนที่เปิดโครงการทั้งหมด 1-2 โครงการ ซึ่งบริษัทมองภาพรวมตลาดคอยโดมิเนียมในปีนี้ว่ามีโอกาสขยายตัวขึ้นจากปีก่อนที่มีการชะลอตัว เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมูลค่าที่ดินที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ลูกค้ามีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยก่อนที่ราคาจะวิ่งขึ้นไปสูงมาก ซึ่งทำเลที่ยังมีความโดดเด่นในปีนี้มองว่ายังเป็นทำเลในกรุงเทพฯชั้นในที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เพราะเป็นทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและการคมนาคมที่เพียบพร้อม

 

“แนวทางการพัฒนาโครงการของบริษัทฯในปีนี้ ยังเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-บน เป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในเรื่องการกู้ยืมสินเชื่อน้อยกว่าลุ่มลูกค้าระดับล่าง โดยปัจจุบันลูกค้าของบริษัทฯไม่มีการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินเลย  เพราะที่ผ่านมาจะให้ลูกค้าวางเงินดาวน์ 20% ของราคาขาย ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อของลูกค้า” คุณศิระ กล่าวในที่สุด

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.noblehome.com/condominium/ploenchit/th/home  

#nobleploenchit #centerofuniverse #ploenchitluxurycondo #luxurycondo #งานแถลงข่าวโนเบิล

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*